การใช้งานโปรแกรม Microsoft Office Word 2003
โปรแกรม Microsoft Office Word 2003 เป็นหนึ่งโปรแกรมในชุด Microsoft Office 2003 ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากใช้งานง่าย มีหน้าที่ของโปรแกรม เมนูคำสั่ง และรวมถึงการให้ความช่วยเหลือทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งโปรแกรมถูกออกแบบมาเพื่องานด้านเอกสารต่าง ๆ เช่น จดหมาย รายงาน คู่มือต่าง ๆ ใบปะหน้าแฟกซ์ และบันทึกข้อความ เป็นต้น
ลักษณะเด่นและความสามารถของโปรแกรม Microsoft Word 2003 คือสามารถที่จะสร้างเอกสารได้ง่าย ตัวอย่างเช่น
- ผู้ช่วยเหลือ (Office Assistance) ให้ความช่วยเหลือได้ทั้งสอบถามคำสั่งต่าง ๆ และวิธีการใช้งานโปรแกรม
- มีการตกแต่งเอกสารที่ง่าย ทำได้ทั้งรูปแบบตัวอักษรและย่อหน้า (Paragraph)
- มีการสร้างเอกสารจากต้นแบบ (Templates) ในลักษณะต่าง ๆ
- สามารถสร้างตารางเพื่อเป็นส่วนประกอบของเอกสาร
- สามารถใส่รูปภาพที่ได้มาจากคลิปอาร์ต อินเตอร์เน็ต กล้องดิจิตอล เครื่องสแกน และรูปภาพ
- มีระบบอัตโนมัติในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ช่วยเตือนหรือแก้ไขเพื่อให้งานที่สร้างมาเสร็จสมบูรณ์ ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
- สามารถสร้างเอกสารในรูปแบบ HTML (Hypertext Markup Language) หรือที่เรียกว่าเว็บเพจ (Webpage)
- อนุญาตให้บันทึกอกสารในรูปแบบ XML (Extensible Markup Language) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแยกเนื้อหาของเอกสารออกจากขอบเขตของรูปแบบของเอกสาร
- สามารถล็อกเอกสารและรูปแบบ หรือรูปแบบหมายเลข เท็มเพลต เพื่อให้เอกสารที่ถูกเรียกใช้งานอยู่ในรูปแบบเดียวกัน
1. การเรียกใช้โปรแกรม Microsoft Word 2003
การเรียกใช้โปรแกรม Microsoft Word2003 มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- คลิกที่ปุ่ม Start
- คลิกเลือก Programs
- คลิกเลือก Microsoft Office
- คลิกเลือก Microsoft Office Word 2003
2. ส่วนประกอบของหน้าจอของ Microsoft Office Word 2003
- แถบเมนูคำสั่ง (Menu Bar) ทำหน้าที่แสดงคำสั่ง ซึ่งจะมีทั้งเมนูภาษาไทย และเมนูภาษาอังกฤษ
- แถบเครื่องมือ (Toolbar) ทำหน้าที่แสดงปุ่มต่าง ๆ ที่ใช้งานบ่อย ๆ เช่น ปุ่มบันทึก (Save) เป็นต้น เป็นการเลือกใช้คำสั่งจากปุ่มคำสั่งต่าง ๆ ที่มีให้เลือกบนแถบเครื่องมือแต่ละแถบ แทนการเลือกจากเมนูคำสั่ง แถบเครื่องมือที่ใช้บ่อย ๆ เช่น แถบเครื่องมือมาตรฐาน (Standard Toolbar) และแถบเครื่องมือจัดรูปแบบ (Formatting Toolbar)
- เคอร์เซอร์ (Insertion Point) ทำหน้าที่เป็นตัวอักษรบอกตำแหน่งที่เริ่มพิมพ์หรือตำแหน่งที่เริ่มแก้ไข
- แถบแสดงสถานะ (Status Bar) ทำหน้าที่แสดงตำแหน่งของตัวแทรกข้อความว่าอยู่ที่หน้าใด และจำนวนทั้งหมดของเอกสารว่ามีจำนวนทั้งหมดกี่หน้า รวมทั้งสถานะต่าง ๆ เกี่ยวกับด้านการพิมพ์ และการแก้ไข
- แถบเลื่อน (Scroll Bar) ทำหน้าที่เลื่อนมุมมองของจอภาพในแนวตั้งหรือแนวนอน จอภาพไม่สามารถแสดงข้อมูลได้ครบ
- ปุ่มควบคุมหน้าต่างไฟล์ (Control Button) ประกอบด้วยปุ่มต่าง ๆ โดยจะมีสถานะคือ
– ปุ่มย่อหน้าต่าง (Minimize) ทำหน้าที่ย่อหน้าของโปรแกรมที่เปิดใช้งานอยู่ มาเก็บไว้ที่ทาสก์บาร์
– ปุ่มขยายหน้าต่าง (Maximize) ทำหน้าที่ขยายหน้าของโปรแกรม ให้เต็มพื้นที่ทั้งหมดของโปรแกรม
– ปุ่มกลับสู่สภาพเดิม (Restore Down) ทำหน้าที่ขยายหน้าต่างกลับไปมีขนาดเท่ากับขนาดที่ก่อนขยายหน้าต่างโปรแกรมให้เต็มจอ
– ปุ่มปิดหน้าต่าง (Close) ทำหน้าที่ออกจากหน้าต่าง หรือออกจากโปรแกรม
- ไม้บรรทัด (Ruler) เป็นเครื่องมือที่ช่วยวัดระยะขอบกระดาษ
- แถบเครื่องมือ Task Pane เป็นแถบเครื่องมือที่ช่วยในการทำงานหลาย ๆ ด้าน เช่น New Document, Clip Art และ Clipboard
3. แถบเครื่องมือ (Toolbar)
แถบเครื่องมือ คือ ปุ่มของคำสั่งที่ผู้ใช้สามารถสั่งงานได้โดยตรง เพื่อที่จะได้รับความสะดวกในการเรียกใช้คำสั่งที่ถูกเรียกใช้งานบ่อย ๆ แถบเครื่องมือที่ถูกเปิดใช้เป็นประจำหรือเป็นแถบเครื่องมือมาตรฐานมี 2 แถบเครื่องมือ คือ
3.1 แถบเครื่องมือมาตรฐาน (Standard Toolbar)
3.2 แถบเครื่องรูปแบบ (Formatting Toolbar)
แถบเครื่องมือนั้นสามารถที่จะซ่อมหรือแสดงได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
วิธีที่ 1 คลิกเลือกเมนู มุมมอง > แถบเครื่องมือ
วิธีที่ 2 คลิกขวาที่บริเวณแถบเครื่องมือหรือแถบเมนูและเลือกชื่อแถบเครื่องมือ
วิธีที่ 1 วิธีที่ 2
แถบเครื่องมือมาตรฐาน (Standard Tools Bar) เช่น
สัญรูป
|
หน้าที่
|
|
สร้างเอกสารใหม่(New) ใช้ในการสร้างเอกสารใหม่ |
|
เปิด(Open) ใช้ในการเปิดเอกสารที่มีอยู่แล้ว |
|
บันทึก(Save) ใช้ในการบันทึกหรือจัดเก็บเอกสาร |
|
พิมพ์ (Print) ใช้ในการพิมพ์เอกสารออกทางเครื่องพิมพ์ |
|
ตัวอย่างก่อนพิมพ์ (Print Preview) ใช้ในการขอดูเอกสารก่อนพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ |
|
ตัด (Cut) ใช้ในการตัดข้อความที่เลือกเก็บไว้ใช้งานต่อ |
|
คัดลอก(Copy) ใช้ในการคัดลอกข้อความที่เลือกไว้เพื่อทำงานต่อ |
|
วาง(Past) ใช้ในการนำข้อความมาวางในตำแหน่งที่ต้องการ |
|
ย่อ/ขยาย(Zoom Contrl) ใช้ในการย่อหรือขยายเอกสารตามสัดส่วนที่ต้องการ |
|
จัดรูปแบบ(Style) ใช้ในการเลือกลักษณะของเอกสาร |
|
แบบอักษร(Font) ใช้ในการเลือกแบบตัวอักษร |
|
ขนาดแบบอักษร(Font Size) ใช้ในการเลือกขนาดตัวอักษร |
|
ตัวหนา(Bold) ใช้ในการทำตังอักษรเป็นตัวหนา |
|
ตังเอียง(Italic) ใช้ทำตังเป็นตัวเอียง |
|
ขีดเส้นใต้(Underlind) ใช้ทำตัวอักษรเป็นตัวขีดเส้นใต้ |
|
จัดชิดซ้าย (Align Left) ใช้จัดข้อความชิดซ้าย |
|
กึ่งกลาง (Center) ใช้จัดข้อความแบบกึ่งกลาง |
|
จัดชิดขวา (Align Right) ใช้จัดข้อความชิดขวา |
|
ชิดขอบ (Justift) ใช้จัดข้อความด้านหน้า – ด้านหลังเสมอกัน |
สัญรูป
|
หน้าที่
|
|
ลำดับเลข(Numbering) ใช้ใส่ลำดับเลขที่หน้าข้อความ |
|
สัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อย ใส่สัญลักษณ์แสดงหัวข้อย่อยหน้าข้อความ |
|
ลดการเยื้อง(Decrease Indent) ใช้ลดระยะเยื้องของข้อความ |
|
เพิ่มการเยื้อง (Increase Indent) ใช้เพิ่มระยะเยื้องของข้อความ |
|
ภายนอกขอบ(Border) ใช้ลากเส้นเพื่อตีกรอบเอกสาร |
|
เน้น ใช้ระบายสีเพื่อเน้นข้อความ |
|
สีแบบอักษร(Font color) ใช้เปลี่ยนสีอักษรหรือข้อความ |
การแทรกรูปภาพและข้อความศิลป์
แถบเครื่องมือสำหรับตกแต่งรูปภาพ
สัญรูป
|
หน้าที่
|
|
แทรกรูปภาพ ใช้เปลี่ยนภาพที่เลือก โดยเลือกมาจากไฟล์อื่น |
|
สี กำหนดคุณสมบัติของภาพ เช่น ปรับให้เป็นภาพขาวดำ |
|
เพิ่มความชัด เพิ่มความคมชัดของรูปภาพ |
|
ลดความชัด ลดความคมชัดของรูปภาพ |
|
เพิ่มความสว่าง เพิ่มความสว่างให้กับรูปภาพ |
|
ลดความสว่าง ลดความสว่างให้กับรูปภาพ |
|
ครอบตัด ใช้ตัดภาพให้เหลือเฉพาะส่วนที่ต้องการ |
|
ลักษณะเส้น ใช้สร้างกรอบของภาพ |
|
การตัดข้อความ ใช้กำหนดให้อักษรล้อมรอบรูปภาพในรูปแบบต่างๆ |
|
จัดรูปแบบวัตถุ ปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ความกว้าง ความยาว |
|
กำหนดสีโปร่งใส ทำให้สีที่ถูกคลิกกลายเป็นสีโปร่งใส ซึ่งทำให้มองทะลุเห็นพื้นหลัง (ใช้ได้กับภาพที่มาจากไฟล์อื่นเท่านั้น) |
|
ตั้งค่ารูปภาพใหม่ ยกเลิกการปรับแต่งทั้งหมด ให้ภาพกลับไปเป็นแบบเดิมก่อนตกแต่ง |
4. การจัดการกับข้อความ
การเลือกภาษาที่ใช้พิมพ์ (Accent Gravel)
ก่อนจะมีการเริ่มพิมพ์ข้อความลงไปบนเอกสารนั้น จำเป็นอย่างยิ่งต้องรู้จักแป้นพิมพ์ที่จะช่วยให้สามารถเปลี่ยนสถานการณ์พิมพ์จากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย หรือจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ คือแป้น ~ (รูปตัวหนอน ) และสังเกตสถานะของภาษาที่แถบแสดงสถานะ (Status Bar)
การป้อนข้อความ (พิมพ์แทรก / พิมพ์ทับ)
การพิมพ์ข้อความแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ
1. การพิมพ์แทรก
โดยทั่วไปแล้วมักเป็นค่าปกติของการพิมพ์ (Default) เนื่องจากเมื่อมีการพิมพ์ข้อความก็จะแทรกต่อไปเรื่อย ๆ โดยข้อความที่อยู่หลังจากตัวแทรกข้อความ ( I ) ยังคงเคลื่อนไป สังเกตสถานการณ์พิมพ์แทรกได้จาก Status Bar ดังนี้ (Overtype) ให้สังเกตว่าปุ่มนี้จะมีตัวอักษรสีเทา
2. การพิมพ์ทับ
การพิมพ์ข้อความที่ทับข้อความเดิมที่มีอยู่แล้ว โดยสังเกตสถานการณ์พิมพ์ทับได้จาก Status Bar (Overtype) ให้สังเกตว่าปุ่มนี้จะมีสีเข้มขึ้น
3 การลบข้อความ
การลบข้อความนั้นเป็นไปได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ลบตัวอักษรที่อยู่ทางด้านซ้ายของตัวแทรกข้อความ ( I ) ให้ใช้แป้น [Backspace]
2. ลบตัวอักษรที่อยู่ทางด้านขวาของตัวแทรกข้อความ ( I ) ให้ใช้แป้น [Delete]
5. การยกเลิกคำสั่งและการทำซ้ำ (Undo /Redo)
การใช้คำสั่งหรือการพิมพ์ข้อความ อาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นด้วยคำสั่งที่เลือกจากเมนูหรือแถบเครื่องมือ และการพิมพ์ข้อความ ซึ่งสามารถยกเลิกหรือทำซ้ำคำสั่งต่าง ๆ เหล่านั้นได้ดังนี้
การยกเลิก (Undo) การยกเลิก (Undo) วิธีที่ 1 คลิกเลือกเมนู Edit à Undo
วิธีที่ 2 คลิกปุ่ม บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน
วิธีที่ 3 กดปุ่มบนแป้น Ctrl + Z
วิธีที่ 1 คลิกเลือกเมนู Edit à Redo
วิธีที่ 2 คลิกปุ่ม บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน
วิธีที่ 3 กดปุ่มบนแป้น Ctrl + Y
6. การบันทึกข้อมูล (Save / Save As)
การบันทึกข้อมูล คือ การเก็บข้อความต่าง ๆ ที่ได้พิมพ์หรือตั้งค่าต่าง ๆ ที่ได้กำหนดเพื่อจะได้นำกลับมาใช้ได้ในภายหลัง โดยการบันทึกข้อมูลมีด้วยกันอยู่ 2 คำสั่ง คือ คำสั่ง Save และคำสั่ง Save As ซึ่งใช้ต่างกันดังนี้
บันทึกไฟล์เอกสาร (Save)
ใช้เมื่อต้องการบันทึกข้อมูลที่ใช้งานอยู่ปัจจุบัน ซึ่งจะทำการบันทึกชื่อไฟล์เดิม มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- คลิกเลือกเมนู File > Save หรือกดแป้น Ctrl+S
- สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงที่แถบสถานะ (Status Bar)
บันทึกไฟล์เอกสารเป็น (Save As)
ใช้เมื่อต้องการบันทึกข้อมูลที่ใช้งานอยู่ปัจจุบันในชื่อไฟล์หรือไดรฟ์ที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งจะมีขั้นตอนการบันทึกดังต่อไปนี้
- คลิกเลือกเมนู File > Save As หรือกดแป้น F12
- คลิกเลือกไดรฟ์และตำแหน่งที่ต้องการบันทึก
- พิมพ์ชื่อไฟล์ที่ต้องการบันทึก
- คลิกปุ่ม
- สังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงที่แถบแสดงสถานะ (Status Bar ) แสดงข้อความกำลังบันทึกข้อมูลอยู่
7. การจัดการกับเอกสาร
การเปิดเอกสาร (Close)
การเปิดเอกสารที่กำลังเปิดใช้งานอยู่นั้น สามารถทำได้หลายวิธีดังนี้
วิธีที่ 1 คลิกเลือกเมนู File > Close
วิธีที่ 2 คลิกปุ่ม Close ที่แถบเมนู
วิธีที่ 3 กดแป้น Ctrl + W
การสร้างเอกสารใหม่ (New)
การสร้างเอกสารใหม่นั้น เมื่อผู้ใช้เปิดโปรแกรมจะเห็นได้ว่าโปรแกรมได้สร้างไฟล์เอกสารขึ้นมา เพื่อใช้งานอยู่แล้ว 1 เอกสาร แต่ผู้ใช้ต้องการสร้างเพิ่มขึ้นมาใหม่อีก สามารถทำได้หลายวิธีดังต่อไปนี้
วิธีที่ 1 กดแป้น Ctrl + N
วิธีที่ 2 คลิกที่ปุ่ม New บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน
วิธีที่ 3 คลิกที่เมนู File > New คลิกเลือก เอกสารเปล่า จากแถบเครื่องมือ Task Pane จะได้หน้าต่างเอกสารใหม่
การกำหนดค่าให้กับเอกสาร (Page Setup)
การค่าให้กับเอกสารจะได้กำหนดลักษณะต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นจากเดิม ซึ่งเป็นค่ามาตรฐาน มีขั้นตอนและรายละเอียดดังต่อไปนี้
- คลิกเลือกเมนู แฟ้ม > ตั้งค่าหน้ากระดาษ
- คลิกเลือก Tab รูปแบบที่ต้องการปรับแต่ง
– Tap ระยะขอบ เป็นการกำหนดค่าให้ระยะขอบของกระด้าน ทั้งด้าน บน ล่าง ซ้าย ขวา
– Tap กระดาษ เป็นการกำหนดค่าให้ขนาดกระดาษที่ต้องการ เช่น A4 , F4, F5
– Tap เค้าโครง เป็นการกำหนดเค้าโครงว่าแต่ละหน้าจะให้มีลักษณะเป็นอย่างไร
- เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้วกดปุ่ม ตกลง
การเปิดเอกสารเดิม (Open)
การเปิดเอกสารเดิม คือ การนำเอกสารที่เคยถูกบันทึกไว้ แล้วเปิดขึ้นมาใช้งานหรือแก้ไขเพิ่มเติม มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
- คลิกเลือกเมนู แฟ้ม > เปิด หรือกดแป้น Ctrl+ O หรือคลิกที่ปุ่ม Open
- คลิกเลือกไดรว์ที่ต้องการเปิดเอกสาร
- คลิกเลือกชื่อไฟล์ที่ต้องการเปิด
- คลิกปุ่ม เปิด
- จะเปิดหน้าต่างไฟล์ที่เลือกไว้
8. มุมมอง (View ) ต่าง ๆ ใน Microsoft Word 2003
มุมมองต่าง ๆ ใน Microsoft Word 2003 นั้น แบ่งออกเป็นหลายมุมมองด้วยกัน ซึ่งแต่ละมุมมองก็จะต้องมีลักษณะเด่นแตกต่างกัน โดยสรุปได้ดังนี้
- 1. มุมมองปกติ (Normal View)
เป็นการกำหนดมุมมองให้เห็นทุก ๆ สิ่งที่พิมพ์ในเอกสาร เหมาะสำหรับแก้ไขและกำหนดรูปแบบของข้อความ ซึ่งจะแสดงตารางรูปแบบข้อความที่ดูง่าย รวมถึงมุมมองปกติ ผู้ใช้สามารถกำหนดด้วยเมนู
มุมมอง > มุมมองปกติ
- 2. มุมมองเค้าโครงเว็บ (Web Layout View)
เป็นการกำหนดมุมมองที่ช่วยให้การอ่านข้อความตามในเอกสารเป็นไปได้ง่ายขึ้น ข้อความที่แสดงให้เป็นข้อความตามความกว้างของหน้าต่าง โปรแกรม และตัดตอนให้พอดีกับหน้าต่างที่แสดงข้อความ การแสดงข้อมูลต่าง ๆ บนเอกสารจะมีลักษณะที่คล้ายกับ Print Layout View ถ้าเอกสารที่กำลังเปิดใช้อยู่ไม่ได้แสดงอยู่ในมุมมองเค้าโครงเว็บ ผู้ใช้สามารถกำหนดด้วยเมนู มุมมอง > เค้าโครง
- 3. มุมมองเค้าโครงหน้ากระดาษ (Print Layout View)
มักเรียกมุมมองนี้ว่า “มุมมองเหมือนพิมพ์” เป็นมุมมองที่สามารถมองเห็นวัตถุต่าง ๆ ที่วางลงไปบนเอกสาร เช่น ตาราง กราฟ วัตถุที่สร้างขึ้น และรูปภาพ เป็นต้น มุมมองนี้ใช้ประโยชน์เพื่อการแก้ไขหัวกระดาษและท้ายกระดาษ (Header and Footer) จัดการขอบกระดาษ สร้างคอลัมน์ วาดวัตถุต่าง ๆ และกรอบข้อความ ถ้าเอกสารที่กำลังเปิดใช้อยู่ไม่ได้แสดงอยู่ในมุมมองเหมือนพิมพ์ ผู้ใช้สามารถกำหนดเมนู มุมมอง > เค้าโครงหน้ากระดาษ
9. การเลือกข้อความ ตัวอักษรและการยกเลิก
การเลือกข้อความและตัวอักษร
การเลือกข้อความและตัวอักษร เพื่อที่จะได้ใช้ประโยชน์จากกลุ่มคำที่ได้เลือกไว้ เช่น ต้องการเปลี่ยนขนาด เปลี่ยนฟอนต์ (แบบอักษร) ตัวขีดเส้นใต้ เป็นต้น สามารถทำได้หลายวิธี ดังต่อไปนี้
1. ใช้แป้นบนคีย์บอร์ด
วิธีที่ 1 เลือกเพียงบางส่วน
1.1 เลื่อนเมาส์ไปยังตำแหน่งเริ่มต้นของข้อความหรือตัวอักษรที่ต้องการเลือก
1.2 กดแป้น Shift ค้างไว้และกดแป้นต่อไปนี้
– กดแป้นลูกศรใด ๆ เช่น ¬®¯
– กดแป้น Home / End / Page Up / Page Down
1.3 ข้อความถูกเลือกเป็นแถบสีดำตามที่ต้องการ
วิธีที่ 2 เลือกทั้งเอกสาร
การเลือกข้อความทั้งเอกสารสามารถทำได้ดังนี้ กดแป้น Ctrl + A
2. ใช้เมาส์
วิธีที่ 1 เลือกโดยการ Drag Mouse
1.1 คลิกเมาส์ที่ตำแหน่งเริ่มต้นของข้อความ และกดเมาส์ค้าไว้
1.2 ลากเมาส์ไปให้เกิดเป็นแถบสีดำทับข้อความที่ต้องการเลือก
1.3 ปล่อยเมาส์เมื่อเลือกข้อความครบที่ต้องการ
วิธีที่ 2 เลือกข้อความเฉพาะคำ
2.1 เลื่อนเมาส์ไปยังคำที่ต้องการเลือก
2.2 ดับเบิลคลิกที่คำที่ต้องการเลือก
2.3 คำที่ต้องการเลือกจะปรากฏเป็นแถบสีดำ
วิธีที่ 3 เลือกข้อความทั้งบรรทัด
3.1 เลื่อนเมาส์ไปด้านซ้ายสุดของข้อความในบรรทัดที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็น
3.2 คลิกเมาส์ด้ายหน้าของข้อความในบรรทัดที่ต้องการ
3.3 ข้อความในบรรทัดที่ต้องการจะปรากฏเป็นแบบสีดำ
วิธีที่ 4 เลือกข้อความทั้งย่อหน้า
4.1 เลื่อนเมาส์ไปด้านซ้ายของย่อหน้าข้อความที่ต้องการ ตัวชี้เมาส์จะเปลี่ยนเป็น
4.2 ดับเบิลคลิกที่ด้านหน้าของย่อหน้าข้อความที่ต้องการ
4.3 ข้อความย่อหน้าที่ต้องการจะปรากฏเป็นแถบสีดำ
10. การออกจากโปรแกรม Microsoft Word 2003
การออกจากโปรแกรม สามารถทำได้หลายวิธีดังต่อไปนี้ (เมื่อเปิดไฟล์ใช้งานเพียง 1 ไฟล์)
วิธีที่ 1 คลิกเมนูแฟ้ม > จบการทำงาน
วิธีที่ 2 คลิกปุ่ม Close บน Title Bar
วิธีที่ 3 ดับเบิลคลิกที่สัญลักษณ์ของโปรแกรม บน Title Bar
วิธีที่ 4 กดแป้น Alt + F4
การตกแต่งเอกสาร
2.1 การย้ายและการคัดลอกข้อความ
การย้ายและคัดลอกข้อความนั้นมีขั้นตอนคล้ายกัน สามารถทำได้หลายวิธีต่อไปนี้
การย้ายข้อความโดยการ Drag and Drop มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เลือกข้อความที่ต้องการย้าย (Move)
2. เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปยังแถบสีที่เลือกไว้
3. คลิกและลากเมาส์ข้อความที่เลือกไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (สังเกตตัวชี้เมาส์จะมีลักษณะดังนี้ )
4. ปล่อยปุ่มเมาส์ ข้อความจะวางลงในตำแหน่งที่เราเลื่อนเมาส์ไปปล่อย
การคัดลอกข้อความโดยการ Drag and Drop
1. เลือกข้อความที่ต้องคัดลอก (Copy)
2. เลื่อนตัวชี้เมาส์ไปยังแถบสีที่เลือกไว้
3. กดแป้น Ctrl ค้างไว้ คลิกและลากเมาส์ข้อความที่เลือกไปยังตำแหน่งที่ต้องการ (เมาส์จะมี ลักษณะดังต่อไปนี้ )
4. ปล่อยปุ่มเมาส์ ข้อความจะคัดลอกไปลงในตำแหน่งที่เราเลื่อนเมาส์ไปปล่อย
การย้ายข้อความโดยใช้คำสั่ง Cut + Paste
- เลือกข้อความที่ต้องการย้าย
- คลิกปุ่ม Cut บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน หรือเลือกเมนู แก้ไข > ตัด หรือกดแป้น Ctrl + X (เมื่อใช้คำสั่ง ตัดแล้ว ข้อความที่ถูกเลือกไว้จะถูกตัดเก็บไว้ในหน่วยความจำ ให้สังเกตว่าข้อความต้นฉบับจะหายไป
- คลิกตำแหน่งที่ต้องการวางข้อความที่ได้ย้ายไว้ (ถ้าต้องการย้ายข้อความไปยังเอกสารอีกฉบับหนึ่ง ให้สลับไปที่เอกสารฉบับนั้น
- คลิกปุ่ม Paste บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน หรือเลือกเมนู แก้ไข > วาง หรือกดแป้น Ctrl + V
การคัดลอกข้อความโดยใช้คำสั่ง Copy + Paste
- เลือกข้อความที่ต้องการคัดลอก
- คลิกที่ปุ่ม Copy บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน หรือเลือกเมนู แก้ไข > คัดลอก หรือกดแป้น Ctrl+C
- คลิกตำแหน่งที่ต้องการวางข้อความที่ได้คัดลอกไว้ (ถ้าต้องการคัดลอกข้อความไปยังเอกสารอีกฉบับหนึ่งให้สลับไปที่เอกสารฉบับนั้น)
- คลิกปุ่ม Paste บนแถบเครื่องมือมาตรฐาน หรือเลือกเมนู แก้ไข > วาง หรือกดแป้น Ctrl + V
- ข้อความจะไปวางลงในตำแหน่งที่ได้ทำการเลือกไว้
2.2 การกำหนดค่าต่าง ๆ ให้กับตัวอักษร
การกำหนดค่าต่าง ๆ ให้กับตัวอักษรนั้นสามารถปรับจากแถบเครื่องมือรูปแบบได้อย่างง่ายโดยการปรับค่าต่าง ๆ นั้นประกอบไปด้วยลักษณะของแบบอักษรในลักษณะต่าง ๆ ดังนี้
รูปแบบอักษรหรือฟอนต์
รูปแบบอักษรมักจะพูดกันติดปากว่า “ฟอนต์” จะมีรูปแบบที่แตกต่างกันมาก ซึ่งรูปแบบอักษรแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
- Complex Scripts คือ รูปแบบที่ใช้กับภาษาไทยเพียงอย่างเดียว จะลงท้ายด้วย UPC
- Latin Text คือรูปแบบอักษรที่ใช้เปลี่ยนให้กับอักษรทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนรูปแบบอักษร มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
à เลือกข้อความที่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบอักษร
à คลิกเลือกรูปแบบฟอนต์จากรายการรูปแบบอักษรที่ให้มา
à รูปแบบอักษรจะเปลี่ยนไปตามแบบที่ได้เลือกไว้
การเปลี่ยนขนาดฟอนต์
การเปลี่ยนขนาดฟอนต์ คือการทำให้ขนาดตัวอักษรใหญ่ขึ้นหรือเล็กลงตามขนาดที่ต้องการ มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
1. เลือกข้อความที่ต้องการเปลี่ยนขนาดฟอนต์ของข้อความนั้น
2. คลิกเลือกขนาดของฟอนต์จากรายการรูปแบบอักษรที่ให้มา
3. เลือกขนาดของฟอนต์ที่ต้องการ
ขอบคุณเว็บไซต์ https://www.google.co.th/webhp?hl=th&tab=ww#hl=th&output=search&sclient=psy-ab&q=%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1+Microsoft+Word+2003&oq=%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1+Microsoft+Word+2003&gs_l=hp.3..0j0i8i30.1997.1997.0.3621.1.1.0.0.0.0.102.102.0j1.1.0….0…1c.2.19.psy-ab.3MCrhWEaapY&pbx=1&bav=on.2,or.r_qf.&bvm=bv.48705608,d.bmk&fp=6812ee30331e1cb5&biw=1366&bih=677
ความเห็นล่าสุด